บทความ

ความแตกต่างเม็ดแมงลัก & เมล็ดเจีย

รูปภาพ
ลักษณะของเมล็ดเจียกับเม็ดแมงลัก           หลายคนสับสนว่าเม็ดแมงลักเหมือนกับเมล็ดเจีย แต่จริง ๆ แล้วเป็นธัญพืชคนละชนิดกันเลยค่ะ โดยสามารถสังเกตลักษณะของเมล็ดง่าย ๆ ตรงที่เมล็ดเจียจะมีลักษณะรี มีสีน้ำตาลเทา มีลวดลายเล็กน้อย ส่วนแมงลักจะมีลักษณะรี แต่สีดำเข้ม และถ้านำไปแช่น้ำแล้วจะพบว่าเมล็ดเจียจะพองตัวเป็นลักษณะเม็ดใส แต่เม็ดแมงลักจะพองตัวในลักษณะเม็ดมีเมือกสีขาวขุ่น วิธีกินเมล็ดเจีย VS วิธีกินเม็ดแมงลัก ไม่ว่าจะเป็นเม็ดแมงลักหรือเมล็ดเจีย ก่อนรับประทานควรต้องแช่น้ำจนธัญพืชนั้น ๆ พองตัวเต็มที่เสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้นเมล็ดเจียและเม็ดแมงลักอาจไปดูดซึมน้ำภายในช่องทางเดินอาหาร ทำให้เม็ดแมงลักจับตัวเป็นก้อนแข็ง และอุดตันลำไส้ จนทำให้เกิดการท้องผูก และท้องอืดมากขึ้น           โดยอย่างน้อยที่สุดที่ควรแช่เมล็ดเจียอยู่ที่ 10-15 นาที หรือนานกว่านั้นจะยิ่งดี และอัตราส่วนระหว่างน้ำและเมล็ดเจียที่จะแช่ควรอยู่ที่ราว ๆ เมล็ดเจีย 1 ส่วนต่อน้ำ 9 ส่วน หรืออย่างน้อย ๆ ควรกินเมล็ดเจียด้วยวิธีการโรยลงในอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ­­­­ และต้องหลีกเ

เกล็ดความรู้เรื่องเม็ดแมงลัก

รูปภาพ
เกล็ดความรู้เรื่องเม็ดแมงลัก แมงลัก เป็นพืชล้มลุกในสกุลกะเพรา-โหระพา ลักษณะของต้นแมงลักจะคล้ายต้นกะเพรา แต่กลิ่นและใบจะมีสีอ่อนกว่า ลำต้นของแมงลัก จะสูงประมาณ 65 เซนติเมตร มีกลิ่นหอมทุกส่วน ใบเป็นใบเดี่ยว รูปร่างรี ขอบใบเรียบหรือหยักมน ดอกออกช่ออยู่ปลายยอด กลีบดอกมีสีขาว และร่วงง่าย ผลเป็นผลชนิดแห้ง ภายในมี 4 ผลย่อย เรียกว่า เม็ดแมงลัก มีลักษณะกลมยาวสีดำ มีเมือกห่อหุ้ม ประโยชน์ของเม็ดแมงลัก           - เม็ดแมงลัก ช่วยขับคอเลสเตอรอลไม่ดีออกจากร่างกาย โดยเส้นใยของแมงลักจะดูดซับไขมันไว้ เมื่อร่างกายไม่สามารถย่อยกากใยพวกนี้ได้ ไขมันไม่ดี (LDL-cholesterol) ก็จะถูกขับออกมาพร้อมกับเส้นใยของแมงลัก แต่ไม่มีผลใด ๆ ต่อ HDL-cholesterol ที่เป็นไขมันดี ดังนั้นการรับประทานเม็ดแมงลักเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจด้วย           - เม็ดแมงลัก มีลักษณะนิ่ม ลื่น กลืนง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาช่วงลำคอ และการที่เม็ดแมงลักพองตัวมาก ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ช้าลง จึงเหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องการให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลลดลงด้

เมล็ดเจีย ธัญพืชสารพัดประโยชน์ อาหารเพื่อสุขภาพ

รูปภาพ
เมล็ดเจีย ธัญพืชสารพัดประโยชน์ อาหารเพื่อสุขภาพ เมล็ดเจีย (Salvia Hispanica L) มีขนาดลำต้นสูงประมาณ 4 - 6 ฟุต สามารถปลูกได้ดีในบริเวณที่มีอากาศหนาว ปลูกกันมากในแถบทวีปอเมริกา ลักษณะของเม็ดเป็นเม็ดเล็กๆ มีเปลือกนอกที่สามารถพองตัวได้เหมือนกับเม็ดแมงลัก ในประเทศไทยพบปลูกมากในบริเวณจังหวัดลำปาง กาญจนบุรี เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับมินต์หรือกระเพรา มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศเม็กซิโกในแถบทางตอนกลาง และตอนใต้ของประเทศ และอีกที่หนึ่งคือกัวเตมาลา จากหลักฐานทางโบราณคดีได้มีการค้นพบว่า เมล็ดเจียเป็นพืชที่มีมานานแล้วกว่า 3,500 ปีก่อนสมัยคริสตกาล เดิมคืออาหารของชาวแอซเท็กโบราณ และชาวมายาที่มักจะทานกันเป็นอาหารหลักเหมือนกับอาหารธัญพืชทั่วไป โดยการทานนั้นจะเอาเมล็ดเจียมาบดรวมเข้ากันกับแป้ง คั้นน้ำออกมาใช้ดื่ม หรือเอาไว้เพื่อปรุงอาหารต่อมาในยุคล่าอาณานิคมของสเปน ซึ่งฝั่งอเมริกาใต้ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของสเปน ในเวลานั้นเมล็ดเจียได้ถูกจัดว่าเป็นอาหารต้องห้าม และผู้นำสเปนก็ได้ออกมาประกาศห้ามเพาะพันธุ์เมล็ดเจียอีก จึงเป็นสาเหตุให้เมล็ดเจียค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาเดินมาถึงช่วงย

ไขมันทรานส์คืออะไร พบได้ในไหน ทำไมถึงอันตราย ใช้อะไรแทน

รูปภาพ
ภาพจาก : www.honestdocs.co ปัจจุบันอาหารที่คุณกินกว่า 95% จะมีไขมันตัวร้ายที่เรียกว่า ไขมันทรานส์ ซ่อนอยู่ ไขมันทรานส์เป็นไขมันที่เกิดจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนลงในน้ำมันพืชซึ่ง เป็นของเหลว ทำให้น้ำมันเปลี่ยนไปเป็นของแข็ง เราเรียกกระบวนการนี้ว่า "ไฮโดรจีเนชั่น" (hydrogenation) ไขมันชนิดนี้มีมากที่สุดในมาร์การีนชนิดแท่งเนยขาว คุกกี้ เค้ก แครกเกอร์ เฟรนช์ฟรายส์ และโดนัท อุตสาหกรรมการผลิตอาหารปัจจุบันจึงนิยมใช้ไขมันทรานซ์ เช่น เนย เพราะจะทำให้อาหารคงความแข็งตัวที่อุณหภูมิห้อง นอกจากนี้ไขมันทรานซ์ยังมีอายุการเก็บนาน และชะลอการเหม็นหืน โดยที่เนื้อสัมผัสของอาหารไม่แห้ง อาหารอบจะลอกเป็นชั้นได้ และมีรสชาติดี ผลเสียร้ายแรงที่เรามองข้ามของไขมันทรานซ์ประเภทนี้ คือเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจโดยตรง เป็นการเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (แอลดีแอล) งานวิจัยรายงานว่าไขมันทรานซ์ร้ายกว่า เพราะมีผลในการลดคอเลสเตอรอลที่ดี (เอชดีแอล) ด้วย เท่านั้นยังไม่พอ นักวิจัยพบว่าไขมันทรานซ์ยังเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์ จอประสาทตาเสื่อมโรคนิ่วในถุงน้ำดี และการอักเสบ ซึ่งเป็นป