เมล็ดเจีย ธัญพืชสารพัดประโยชน์ อาหารเพื่อสุขภาพ

เมล็ดเจีย ธัญพืชสารพัดประโยชน์ อาหารเพื่อสุขภาพ

เมล็ดเจีย (Salvia Hispanica L) มีขนาดลำต้นสูงประมาณ 4 - 6 ฟุต สามารถปลูกได้ดีในบริเวณที่มีอากาศหนาว ปลูกกันมากในแถบทวีปอเมริกา ลักษณะของเม็ดเป็นเม็ดเล็กๆ มีเปลือกนอกที่สามารถพองตัวได้เหมือนกับเม็ดแมงลัก ในประเทศไทยพบปลูกมากในบริเวณจังหวัดลำปาง กาญจนบุรี เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับมินต์หรือกระเพรา มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศเม็กซิโกในแถบทางตอนกลาง และตอนใต้ของประเทศ และอีกที่หนึ่งคือกัวเตมาลา จากหลักฐานทางโบราณคดีได้มีการค้นพบว่า เมล็ดเจียเป็นพืชที่มีมานานแล้วกว่า 3,500 ปีก่อนสมัยคริสตกาล เดิมคืออาหารของชาวแอซเท็กโบราณ และชาวมายาที่มักจะทานกันเป็นอาหารหลักเหมือนกับอาหารธัญพืชทั่วไป โดยการทานนั้นจะเอาเมล็ดเจียมาบดรวมเข้ากันกับแป้ง คั้นน้ำออกมาใช้ดื่ม หรือเอาไว้เพื่อปรุงอาหารต่อมาในยุคล่าอาณานิคมของสเปน ซึ่งฝั่งอเมริกาใต้ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของสเปน ในเวลานั้นเมล็ดเจียได้ถูกจัดว่าเป็นอาหารต้องห้าม และผู้นำสเปนก็ได้ออกมาประกาศห้ามเพาะพันธุ์เมล็ดเจียอีก จึงเป็นสาเหตุให้เมล็ดเจียค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาเดินมาถึงช่วงยุคของอเมริกาสมัยใหม่ นักวิทยาศาสตร์จึงได้นำเอาเมล็ดเจียมาค้นคว้าวิจัยอีกครั้งถึงคุณประโยชน์ของพืชชนิดนี้ จากนั้นก็เอาไปขยายสายพันธุ์ต่อไปจนมาถึงสมัยปัจจุบัน

ประโยชน์ต่อสุขภาพของเมล็ดเจีย

มีไฟเบอร์สูง

สำหรับผู้ที่มีปัญหากับระบบขับถ่าย การทานเมล็ดเจียจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้เนื่องจากเมล็ดเจียนั้นมีไฟเบอร์สูงและไฟเบอร์ในเมล็ดเจีย 20% เป็นชนิดดูดซึมง่าย การทานเมล็ดเจียจึงดีต่อระบบลำไส้และระบบขับถ่าย

ทานแล้วอิ่มนาน

เมล็ดเจียสามารถดูดซึมน้ำได้อย่างดีทำให้พองตัวใหญ่กว่าปรกติ ดังนั้นเมื่อทานเข้าไปก็จะไปพองตัวอยู่ในกระเพาะอาหารทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน เมื่อทานอาหารมื้อต่อไปก็จะทานน้อยลง จึงสามารถช่วยลดความอ้วนจากการทานอาหารมากได้

มีโอเมก้าสูง

เดิมรู้กันแต่ว่าสามารถรับโอเมก้า 3 ได้จากอาหารประเภทปลา แต่บางคนไม่สามารถทนรับกลิ่นคาวปลาได้ เมล็ดเจียจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะเมล็ดเจียมีโอเมก้าสูงกว่าปลาถึง 8 เท่าหากเทียบที่น้ำหนักเท่ากัน แต่เมล็ดเจียย่อยได้ยากกว่าปลาจึงต้องทำการบดให้ละเอียดก่อนทานจะช่วยให้ร่างกายสามารดูดซึมได้ดี โอเมก้า 3 ในเมล็ดเจียเมื่อทานเข้าไปสามารถเปลีย่นรูปไปเป็นสารที่ช่วยในเรื่องลดการอักเสบ ช่วยป้องกันการติดเชื้อที่บาดแผล ทำให้แผลสามารถสมานตัวได้เร็วขึ้นไม่เกิดเป็นแผลเรื้อรังและยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดที่บาดแผลได้ด้วย นอกจากนี้โอเมก้าในเมล็ดเชียยังช่วยในเรื่องปรับสมดุลระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกาย ลดระดับคอลเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในหลอดเลือด ช่วยให้หัวใจแข็งแรง ช่วยเร่งการเผาผลาญในร่างกาย และช่วยบำรุงสมองทำให้มีความจำดี

ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง

ในเมล็ดเจียมีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างกระดูกและฟัน ได้แก่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และโปรตีน ดังนั้นจึงช่วยบำรุงกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน และกระดูกบางได้

ลดการเกิดอาการข้างเคียงของโรคเบาหวาน

เมล็ดเจียสามารถช่วยชะลอการทำงานของระบบย่อยอาหารได้ ดังนั้นจึงสามารถช่วยในเรื่องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วย ระดับน้ำตาลในเลือดจะคงที่ลดการเกิดอาการข้างเคียงของโรคเบาหวานได้

ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมกล้ามเนื้อส่วนที่สึกหรอได้เร็วขึ้น

เนื่องจากในเมล็ดเจียมีโปรตีนและฟอสฟอรัสสูง เมื่อทานเข้าไปจึงสามารถช่วยให้ร่างกายนำสารอาหารเหล่านี้ไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของเนื้อเยื่อ หรือกล้ามเนื้อของส่วนต่างๆ ในร่างกาย

ช่วยให้อารมณ์ดี

เพราะในเมล็ดเจียมีกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่คล้ายกับที่มีอยู่ในนม เมื่อทานเข้าไปแล้วก็จะช่วยควบคุมความอยากอาหาร นอนหลับสนิท และช่วยให้อารมณ์เป็นปรกติ

แก้ปัญหาและป้องกันอาการท้องผูก

ในเมล็ดเจียเต็มไปด้วยใยอาหารจึงช่วยดูดซึมสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ได้ ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาและป้องกันอาการท้องผูกได้

ลดริ้วรอยทำให้ผิวอ่อนเยาว์

ด้วยแร่ธาตุสังกะสีที่พบในเมล็ดเจีย ในสัดส่วนที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย มันจึงกลายเป็นพืชที่ทำหน้าที่ส่วนแอนตี้ริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้ผิวเรียบตึง และช่วยป้องกันผิวขาดน้ำ ทำให้ดูชุ่มชื้น นุ่มลื่นเหมือนผิวเด็กด้วยการบำรุงจากภายใน

ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ

สำหรับใครที่อยากมีผิวดูสุขภาพดี การรับประทานเมล็ดเจียช่วยได้อย่างมาก เพราะแมกนีเซียมในเมล็ดเจียมีปริมาณมากกว่าพืชชนิดอื่น จึงเหมาะที่จะรับประทานเพื่อช่วยเสริมให้ผิวที่มีความคล้ำไร้ชีวิตชีวากลับมาดูอิ่มเอิบ เปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติอีกครั้ง เนื่องจากสารแมกนีเซียมเข้าไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ออกซิเจนถูกส่งไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้อย่างทั่วถึง

วิธีทานเมล็ดเจีย

เมล็ดเจียสามารถทานร่วมกับอาหารได้หลากหลาย ทำให้ทานง่ายกว่าการทานเมล็ดเจียเพียงอย่างเดียว โดยสามารถเอาเมล็ดเจียผสมลงอาหารที่คุณต้องการก็สามารถทานได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว อาหารหวาน และเครื่องดื่มต่างๆ ก็ใส่เมล็ดเจียผสมลงไปได้

เมล็ดเจียทานได้แค่ไหนจึงจะดีต่อสุขภาพ

เมล็ดเจียสามรถทานได้ทุกช่วงวัย แต่เป็นปริมาณที่แตกต่างกัน ดังนี้
เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี ควรทานวันละ 1 ช้อนโต๊ะเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 5 - 18 ปี ควรทานวันละ 1.4 - 4.3 กรัมสำหรับผู้ใหญ่ ควรทานวันละ 15 กรัม หรือ 2 ช้อนโต๊ะผู้ที่ป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรทาน 33 - 41 กรัมในทุกๆ 3 เดือน แต่ต้องนำไปป่นก่อนทาน

ทำไมเมล็ดเจียจึงช่วยลดความอ้วนได้

เมล็ดเจียเป็นธัญพืชที่สามารถทานเพื่อลดน้ำหนักได้อย่างดี เนื่องจากในเมล็ดเจียนั้นเต็มไปด้วยใยอาหารซึ่งสามารถดูดซึมของเหลวต่างๆ ได้อย่างดี หากก่อนทานนำเมล็ดเจียไปแช่ในเครื่องดื่มต่างๆ ก่อนทานเมล็ดเจียก็จะดูดซึมของเหลวเหล่านั้นและพองตัวในกระเพาะอาหาร ดังนั้นเมื่อทานเข้าไปแล้วจึงทำให้อิ่มเร็ว จึงทานอาหารอื่นๆ ได้น้อยลง นอกจากนี้เนื่องจากเมล็ดเจียมีใยอาหารเยอะซึ่งกระเพาะจะค่อยๆ ย่อยอย่างช้าๆ จึงทำให้อิ่มนาน และไม่ค่อยอยากอาหาร และสุดท้ายเพราะในเมล็ดเจียมีคุณค่าสารอาหารต่างๆ หลายอย่างจึงช่วยลดการกินจุบจิบได้ เพราะสาเหตุของการกินจุบจิบมาจากการที่ร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ ไม่เพียงพอ 

ข้อควรระวังในการทานเมล็ดเจีย!

ถึงเมล็ดเจียจะมีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย แต่ก็มีข้อควรระวังบางอย่างในการทาน เพราะเมล็ดเจียนั้นไม่ได้ส่งผลดีต่อทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง ดังนี้
- สำหรับผู้ที่กระเพาะอาหารและระบบลำไส้มีปัญหา: สำหรับผู้ที่มีแก๊สในกระเพาะอาหาร มีอาการกรดไหลย้อน ถ้าหากทานเมล็ดเจียเข้าไปจะยิ่งทำให้มีอาการหนักกว่าเดิมได้ เพราะเมล็ดเจียเมื่อทานเข้าไปแล้วจะขยายตัวในกระเพาะอาหารเพิ่มกว่าปรกติได้ถึง 25% ดังนั้นจึงเป็นการกระตุ้นให้ตับอ่อนสร้างน้ำย่อยออกมามากกว่าเดิม จึงทำให้อาการต่างๆ หนักขึ้น
- สำหรับผู้ที่ต้องเข้ารับการศัลกรรม: รวมไปถึงคนที่มีประวัติในการใช้ยาแอสไพริน หรือยาที่ใช้เพื่อละลายลิ่มเลือดควรงดการทานเมล็ดเจีย เพราะจะยิ่งเป็นการทำให้หลอดเลือดบาง และส่งผลให้เลือดเกิดการแข็งตัวช้ามากกว่าปรกติ เป็นเหตุให้เกิดอาการเลือดไหลไม่หยุดหากมีบาดแผล
- สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำ: ไม่ควรทานเมล็ดเจีย เนื่องจากเมล็ดเจียจะไปส่งผลต่อแรงดันเลือดในขณะที่หัวใจเกิดการคลายตัว ซึ่งเป็นช่วงที่ความดันเลือดต่ำ ให้ต่ำลงไปกว่าเดิม อาจจะก่อให้เกิดอาการช็อก หน้ามืด เป็นลมหมดสติได้
- สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์: หรือผู้หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรไม่ควรทานเมล็ดเจีย เพราะสารอาหารในเมล็ดเจียมีผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตอาจจะส่งผลกระทบต่อบุตรได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เทคนิคที่สำคัญในการอบคุกกี้

ประวัติความเป็นมาของเบเกอรี่

ความแตกต่างเม็ดแมงลัก & เมล็ดเจีย