มารู้จักสารให้ความหวานแทนน้ำตาลกันเถอะ

การมีรูปร่างผอมเพรียว สวยงาม เป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา หนทางหนึ่งที่สามารถทำได้ และไม่ก่อให้เกิดอันตรายก็คือการให้ความใส่ใจในการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมการบริโภคน้ำตาล ซึ่งนอกจากจะควบคุมการบริโภคน้ำตาลแล้ว ผู้บริโภคยังมีอีกหนึ่งทางเลือก นั่นก็คือการหันมาบริโภคสารให้ความหวาน แทนน้ำตาล นี่เองจึงเป็นที่มาของการนำสารให้ความหวานแทนน้ำตาลมาใช้ประโยชน์
เมื่อเอ่ยถึงสารให้ความหวาน คนส่วนใหญ่จะนึกถึง “น้ำตาลทราย” เป็นอันดับแรก เพราะเป็นสิ่งที่ใช้กัน อยู่ทุกวัน รองลงมาจึงจะเป็นน้ำผึ้ง และน้ำตาลมะพร้าว แต่ในความเป็นจริงนั้น สารให้ความหวานมีอยู่ด้วยกัน หลายชนิด องค์การอาหารและยาในสหรัฐอเมริกาจึงจัดแบ่งประเภทของสารให้ความหวานออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. สารให้ความหวานที่ให้พลังงาน เป็นสารที่ได้จากธรรมชาติ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะให้พลังงาน แก่ร่างกายถึง 4 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง
2. สารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงาน หรือที่เรียกกันติดปากว่า “น้ำตาลเทียม” เป็นสารที่ได้มาจาก การสังเคราะห์ ส่วนใหญ่จะไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย และไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เพียงแต่จะให้ความหวาน เมื่อรับประทาน
3. น้ำตาลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสารให้ความหวานที่ให้พลังงานต่ำ
ตารางแสดงตัวอย่างสารให้ความหวานประเภทต่างๆ
สารให้ความหวาน ที่ให้พลังงานสารให้ความหวาน ที่ไม่ให้พลังงานน้ำตาลแอลกอฮอล์น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลมอลโตส น้ำตาลกลูโคส น้ำตาลฟรุคโตส น้ำผึ้ง แซคคาริน(ขัณฑสกร) แอสปาร์เทม(อีควอล) อะซีซัลเฟมเค ซูคราโลส ซัยคลาเมต หญ้าหวาน ซอร์บิทอล แมนนิทอล ไซลิทอล มอลทิทอล ไอโซมอลต์
ขนมหรือของหวานมากมายที่ระบุในฉลากว่า “ชูการ์ฟรี” (Sugar free) ซึ่งหมายถึงไม่มีน้ำตาล แต่อาจใช้น้ำตาลเทียมหรือน้ำตาลชนิดอื่นแทน ฉะนั้นในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ จึงควรดูที่ส่วนประกอบหรือส่วนผสมควบคู่กันไปด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก     • บำบัดเบาหวานด้วยอาหาร โดย ศัลยา คงสมบูรณ์เวช     • กองเผยแพร่และควบคุมการโฆษณา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

เลือกซื้อขนม เบเกอรี่คลีน ได้ที่ https://muegbakery.wixsite.com/kwabakery

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เทคนิคที่สำคัญในการอบคุกกี้

ประวัติความเป็นมาของเบเกอรี่

ความแตกต่างเม็ดแมงลัก & เมล็ดเจีย